899 Views |
โรคทางเดินอาหาร หนึ่งในภัยร้ายใกล้ตัวที่คนส่วนใหญ่มองข้าม โดยโรคในระบบทางเดินอาหารนี้สามารถเกิดได้ในหลายอวัยวะ เนื่องจากระบบทางเดินอาหารจะรับผิดชอบหน้าที่ทั้งการย่อยอาหาร การดูดซึมแร่ธาตุและสารอาหาร ตลอดจนการขับถ่าย จึงมีอวัยวะที่เกี่ยวข้องหลายส่วน เริ่มตั้งแต่ ปาก คอหอย หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ตับ ถุงน้ำดี และตับอ่อน
โรคทางเดินอาหารสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย และเกิดขึ้นได้อย่างไม่เลือกระยะเวลา โดยเกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย แต่ในบางครั้งก็อาจเกิดจาก พยาธิ พันธุกรรม การมีจุลินทรีย์ดี เช่น probiotics ใน Gut Microbiome ไม่เพียงพอ หรือปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ ก็ได้
โรคกระเพาะอาหาร หนึ่งในโรคทางเดินอาหารที่หลาย ๆ คนอาจเคยเป็น เนื่องจากมีสาเหตุการเกิดโรคที่หลากหลาย ได้แก่
การได้รับเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori) จากการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ
การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดกระดูก
การมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็น การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา ทำให้ร่างกายไม่สามารถกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการกระตุ้นน้ำย่อยได้, การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพอย่าง การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือการรับประทานอาหารที่เผ็ดจนเกินไป
การมีภาวะเครียดลงกระเพาะ
อาการของโรคทางเดินอาหารอย่างโรคกระเพาะอาหารแบ่งออกเป็น 2 ระดับด้วยกันคืออาการระดับเบาที่ผู้ป่วยยังสามารถดูแลตัวเองได้ คืออาการจุกเสียดแน่นท้อง หรือการแสบท้อง และอาการระดับรุนแรงที่ต้องไปพบแพทย์ ได้แก่การถ่ายผิดปกติ เช่น อุจจาระเป็นสีดำหรือมีเลือดปน การน้ำหนักลดผิดปกติ การมีอาการตัวซีดหรือตัวเหลือง การปวดท้องรุนแรงเป็นระยะเวลายาวนาน และการอาเจียนรุนแรงหรือมีเลือดปนมากับอาเจียน
โรคทางเดินอาหารประเภทนี้สามารถป้องกันและรักษาเบื้องต้นได้โดยการปรับให้มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ดี รับประทานอาหารตรงเวลา และไม่ทำพฤติกรรมที่จะสร้างแผลในกระเพาะอาหารเพิ่ม และการรับประทานอาหารที่สะอาดปลอดภัย แต่หากมีอาการหนักควรไปพบแพทย์โดยทันที
โรคทางเดินอาหารโรคถัดมาอย่างโรคกรดไหลย้อนก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่หลายคนต้องเผชิญ เนื่องจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น การไม่เว้นช่วงระหว่างเวลารับประทานอาหารกับเวลานอน รับประทานอาหารในปริมาณมากและรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ความผิดปกติของอวัยวะในระบบทางเดินอาหาร โรคอ้วน หรือการตั้งครรภ์ก็อาจเป็นสาเหตุของโรคทางเดินอาหารนี้ได้เช่นกัน
อาการของโรคกรดไหลย้อนค่อนข้างเห็นได้ชัด ได้แก่
มีอาการแสบร้อนกลางอก
รู้สึกถึงความเปรี้ยวและขมซึ่งเป็นรสของน้ำย่อยในปากและลำคอ
เกิดอาการจุกเสียดบริเวณลิ้นปี่
รู้สึกเจ็บคอ กลืนลำบาก
อาจมีอาการไอหรืออาการเสียงแหบร่วมด้วย
การรักษาโรคทางเดินอาหารอย่างโรคกรดไหลย้อนโดยมากแล้วสามารถทำได้ด้วยตนเองคือการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ลดการบริโภคอาหารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ลดความเครียด ออกกำลังกาย เว้นระยะเวลาหลังทานอาหารกับเวลานอนให้เพียงพอ และลดน้ำหนักสำหรับผู้มีน้ำหนักมาก
โรคลำไส้อักเสบเป็นอีกหนึ่งโรคทางเดินอาหารที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือปรสิต จนส่งผลให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติ
โรคทางเดินอาหารอย่างโรคลำไส้อักเสบอาจมีหลายอาการร่วมกันได้แก่
อาการปวดเกร็งในช่องท้อง
อาการท้องร่วงและอุจจาระมีความผิดปกติ
อาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้
อาจเกิดอาการอักเสบตามบริเวณต่าง ๆ ในร่างกาย
การรักษาและการป้องกันโรคทางเดินอาหารโรคนี้จะเน้นไปที่พฤติกรรมของผู้ป่วยเป็นหลักโดยจะต้องรับประทานอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป ไม่รับประทานอาหารที่จะทำให้ลำไส้ทำงานหนัก รับประทานอาหารที่สะอาดปลอดภัย ดื่มน้ำให้เพียงพอ และรักษาความสะอาดทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร
โรคลำไส้แปรปรวนเป็นโรคทางเดินอาหารที่ไม่ได้มีสาเหตุแน่ชัด แต่ทางการแพทย์มีการคาดเดาเอาไว้ว่าเกิดจากกเคลื่อนไหวหรือประสาทรับความรู้สึกในระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติ
อาการที่เด่นชัดของโรคทางเดินอาหารประเภทนี้คือการปวดท้องเรื้อรังแบบเป็น ๆ หาย ๆ เป็นระยะเวลายาวนานเกิน 6 เดือนขึ้นไป โดยมีอาการขับถ่ายผิดปกติร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นท้องเสีย ท้องผูก หรือมีทั้งสองอาการสลับกัน
วิธีการรักษาโรคทางเดินอาหารอย่างโรคลำไส้แปรปรวนจะรักษาตามอาการเป็นหลักโดยการให้ยาบรรเทา และผู้ป่วยจะต้องปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารของตัวเองโดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมาก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และไม่กลั้นอุจจาระเมื่อปวด
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นอีกหนึ่งโรคทางเดินอาหารที่ไม่ทราบสาเหตุการเกิดแน่ชัด แต่อาจมีปัจจัยมาจากอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง ตลอดจนโรคอ้วน การมีน้ำหนักเกิน และพันธุกรรม
โรคทางเดินอาหารอย่างโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อาจมีอาการที่ใกล้เคียงกับโรคอื่น ๆ เช่น
อุจจาระผิดปกติ มีเลือดปน
ท้องผูกท้องเสียสลับกัน
น้ำหนักลดผิดปกติ
แต่ก็มีอาการอื่น ๆ ที่อาจช่วยให้แยกออกจากโรคทางเดินอาหารโรคอื่น ๆ ได้เช่นกัน ได้แก่
อาการท้องอืดเรื้อรังไม่ทราบสาเหตุ
การคลำเจอก้อนในช่องท้อง
การป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถทำได้โดยการปรับพฤติกรรมเช่นเดียวกันกับโรคทางเดินอาหารอื่น ๆ แต่จะเพิ่มเรื่องการตรวจสุขภาพประจำปีและการตรวจส่องกล้องเพื่อตรวจสอบสุขภาพในลำไส้อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากวิธีการรักษาโรคทางเดินอาหารประเภทนี้จะต้องไปพบแพทย์และให้แพทย์เป็นผู้วางแนวทางการรักษาเท่านั้น
โรคทางเดินอาหารเป็นภัยร้ายใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน และเกิดได้จากหลายสาเหตุแล้วแต่ว่าเป็นโรคทางเดินอาหารประเภทใด แต่เราสามารถป้องกันและลดโอกาสการเกิดโรคเหล่านี้ได้โดยการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การลดอาหารมันหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนการไม่นอนทันทีหลังรับประทานอาหาร
สำหรับท่านที่สนใจสาระน่ารู้ดี ๆ แบบนี้ สามารถกดติดตามเพจ Jpogene เพื่อไม่ให้พลาดทุกบทความสุขภาพและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงได้ไม่ยาก